Thursday, 23 March 2023

เที่ยวระยอง เมืองท่องเที่ยว ครบทุกแบบในวันพักผ่อน

1 น้ำตกคลองปลาก้าง อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง

น้ำตกคลองปลาก้าง อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง จ.ระยอง น้ำตกเล็กๆ ที่อาจไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้น้ำตกใหญ่อย่างน้ำตกเขาชะเมาเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น น้ำตกคลองปลาก้างเป็นน้ำตกที่มีความยาวลดหลั่นกันประมาณ 3 กิโลเมตรกว่าๆ มีลำธารน้ำตก กลางป่าดงดิบบริสุทธิ์ ข้างๆ ลำธารทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยต้นไม้น้อย ต้นไม้ใหญ่ มีต้นว่านต่างๆ เห็ดและเฟิร์น รวมไปถึงมอสที่ขึ้นปกคลุมหินอย่างหนาแน่น บรรยากาศเขียวขจีตลอดเส้นทาง ส่วนที่มาของชื่อน้ำตกนั่นเขาเล่ากันว่าสมัยก่อนเรียกน้ำตกนี้ว่าน้ำตกคลองปลากั้ง เพราะมีปลากั้งอยู่ชุกชุม ต่อมาด้วยภาษาพูดทำให้ชื่อนั้นเพี้ยนมานิดนึงกลายมาเป็นปลาก้าง ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าปลาก้างมีจำนวนน้อยไม่มากเหมือนแต่ก่อนแล้ว น้ำตกคลองปลาก้างมี 7 ชั้น แบ่งเป็นชั้นเล็กๆ ได้แก่ วังช้างผ่าน (100 ม.) ลานผีเสื้อ (220 ม.) แอ่งเครือสะบ้า (320 ม.) ลานประตูผา (470 ม.) ธารเกาะกลาง (730 ม.) วังกระชาย (780 ม.) และปิดท้ายที่ธารสายหมอก (1000 ม.) รวมระยะทางทั้งหมดเท่ากับ 3,620 เมตร

ที่อยู่ ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง 21110

2 ไหว้พระพุทธรูปนอนตะแคงซ้ายที่เก่าแก่ที่สุด ณ วัดป่าประดู่

วัดป่าประดู่ ก่อนสร้างวัดเมื่อประมาณ พ.ศ.2372 โดยมีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ อุปัชฌาย์เทียน เดิมจำพรรษาอยู่ที่ วัดเนิน (หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดอินทรสมบัติ ปัจจุบันรวมกับวัดลุ่มมหาชัยชุมพล) ได้มาพบสถานที่แห่งนี้เป็นวัดร้าง มีต้นตะเคียนเป็นจำนวนมาก มีซากวัดที่เหลือแต่ซากโบสถ์ ซากพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และซากองค์พระประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปาเลไลยก์ วัดป่าประดู่แห่งนี้จึงเคยมีชื่อเดิมว่า “วัดป่าเลไลยก์” อุปัชฌาย์เทียนจึงได้มาจำพรรษาเพื่อบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่นี่ บรรดาชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงศรัทธาเลื่อมใสในท่าน จึงชักชวนกันสร้างกุฏิถวาย และร่วมกันฏิสังขรณ์วัดนี้จนเจริญสืบมาต่อมา เเละเพื่อให้สอดคล้องกับนามหมู่บ้านที่วัดตั้งอยู่คือ ตลาดท่าประดู่ อีกทั้งเพราะมีต้นประดู่ใหญ่อยู่ภายในวัดเป็นจำนวนมากและเพื่อมิให้ชื่อวัดพ้องกับวัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรีด้วย จากเหตุผลดังกล่าวจึงได้เปลี่ยนนามวัดเป็น “วัดป่าประดู่” ภายในวัดป่าประดู่ มีพระพุทธรูปนอนตะแคงซ้ายที่เก่าแก่ เป็นพระพุทธไสยาสน์ที่แปลกที่สุดในประเทศไทย โดยปกติแล้วเมื่อมีการสร้างองค์พระปางสีหไสยาสน์ มักจะสร้างประทับอยู่ในท่านอนตะแคงขวา แต่พระพุทธไสยาสน์ที่วัดป่าประดู่สร้างในท่านอนตะแคงซ้าย มีความยาว ๑๑.๙๕ เมตร สูง ๓.๖๐ เมตร ขนาดใหญ่ โดยเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ พระครูสมุทรสมานคุณ (แอ่ว) อดีตเจ้าอาวาส ได้บูรณะองค์พระส่วนที่ชำรุดแล้วปิดทองใหม่ มีผู้สันนิษฐานว่า เป็นการสร้างตามพระพุทธประวัติ ตอนพระพุทธเจ้ากระทำยมกปาฏิหาริย์ให้พวกเดียรถีย์ชม โดยมีพระพุทธนิมิตแสดงอาการอย่างเดียวกับพระพุทธเจ้าเป็นคู่ๆ เมื่อถึงอิริยาบถไสยาสน์จึงผินพระพักตร์เข้าหากันเป็นการนอนตะแคงซ้าย และขวาในลักษณะเดียวกัน ผู้สร้างจึงสร้างให้มีนัยของพุทธปาฏิหาริย์ดังกล่าว จึงสร้างเป็นพระนอนตะแคงซ้าย ซึ่งลักษณะพระพุทธรูปนอนตะแคงซ้ายมีความพิเศษคือ มีการหนุนพระเศียรด้วยหัตถ์ซ้าย สังเกตจากพระเกศ ไรพระศก จีวรแล้ว น่าจะอยู่ในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ ดูแลรักษาอย่างดี ไม่มีใครทราบอายุและประวัติมาก่อน ดูจากพระเกศ ไรพระศก จีวรแล้ว น่าจะเป็นอิทธิพลสมัยอยุธยาปัจจุบันพระพุทธรูปทั้งสององค์ ได้รับการบูรณะไว้ จึงถือเป็นพระเก่าแก่คู่บ้านเมืองของระยองแห่งหนึ่ง และวัดป่าประดู่ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวง ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๓ วัดป่าประดู่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ในเขตเทศบาลนครระยอง ถนนสุขุมวิท จึงเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อชุมชนในการปฏิบัติศาสนกิจและพิธีการทาง ศาสนาของประชาชนในเมือง

3

4

5

6

7

8

9

10